รากประสาทขาถูกกดทับรากประสาทขาถูกกดทับ Sciatica
· ปวดหลังปวดเอว ปวดร้าวหรือชาลงที่ขา
· มักจะปวดมากขึ้นเวลาเดินมาก ก้ม นั่ง ไอ จามหรือเบ่งถ่าย
· ในกรณีเป็นมาก เท้าจะอ่อนแรงและชา
· อาจปัสสาวะไม่ได้หรือกลั้นไม่อยู่
· หากเป็นนานอาจทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแรงและลีบลง
· ไม่สามารถยกเท้าเหยียดตรงได้ 90 องศา
รากประสาทขาถูกกดทับ |
สันหลังคนเราประกอบด้วยกระดูกสันหลังชิ้นย่อยๆ กว่า 30 ชิ้นเรียงต่อกันเป็นแนวจากต้นคอจรดก้นกบ ระหว่างกระดูกแต่ละข้อจะมีแผ่นกระดูกอ่อนหรือที่เรียกว่า หมอนรองกระดูกสันหลัง คั่นกลาง ทำหน้าที่ป้องกันการเสียดสีและเป็นเสมือนโช้คอัพเพื่อดูดซับและกระจายแรงอัด ภายในโพรงกระดูกสันหลังประกอบไปด้วยไขสันหลังและมีเส้นประสาทแยกแขนงจากกระดูกสันหลังไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย เส้นประสาทส่วนต้นสุดที่แยกแขนงออกมาจากกระดูกสันหลังเรียกว่า รากประสาท ซึ่งจะอยู่ชิดกับหมอนรองกระดูก
เมื่อหมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวก็จะกดทับรากประสาทที่ไปเลี้ยงแขนหรือขา
ทำให้มีอาการปวด เสียวและชาของแขนหรือขา ส่วนรากประสาทที่ถูกกดทับมักจะพบบ่อยจากการเคลื่อนตัวของหมอนรองกระดูกสันหลังบริเวณกระเบนเหน็บหรือบั้นเอว
ทำให้มีการกดทับรากประสาทไซอาติก (Sciatic Nerve) ที่ไปเลี้ยงขา
ซึ่งจะพบบ่อยในกลุ่มคนดังนี้
·
ผู้ที่ทำงานหนักโดยเฉพาะผู้ที่แบกของหนักเป็นประจำ
·
ผู้ที่เคยได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือมีแรงกระแทกบริเวณเอว
·
ผู้ที่มีอิริยาบถที่ไม่เหมาะสมในชีวิตประจำวัน
·
ผู้สูงอายุที่มีภาวะกระดูกเสื่อม
สาเหตุของโรคในทัศนะการแพทย์จีน...
การแพทย์จีนได้จัดโรครากประสาทขาถูกกดทับให้อยู่ในกลุ่มโรคชาและปวดเมื่อย
(痹症) ซึ่งมีสาเหตุมาจากการทำงานหนัก
ความเสื่อมตามวัยหรือพิษเย็น-ชื้นที่สะสมบริเวณเอว
ทำให้หลอดเลือดและเส้นลมปราณติดขัดไปกีดขวางการไหลเวียนของโลหิตและพลังลมปราณจนเกิดอาการปวด
ซึ่งสอดคล้องกับหลักการวินิจฉัยและรักษาอันสำคัญของการแพทย์จีนคือ
ปวดแสดงว่าไม่โล่ง โล่งแล้วก็จะไม่ปวด (通则不痛, 痛则不通) นอกจากนี้
การไหลเวียนของโลหิตและพลังลมปราณบริเวณเอวที่ติดขัดจะทำให้เส้นเอ็น
กล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังได้รับการหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ
พร้อมทั้งไม่สามารถขับพิษเย็น-ชื้น (风寒湿邪) ที่สะสมและสารพิษต่างๆ
ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการเมตาบอลิซึมออกไปได้หมดสิ้น
จึงส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่างๆ บริเวณกระดูกสันหลัง
วิธีการบำบัดทั่วไป
การรักษาโรครากประสาทขาถูกกดทับด้วยยาแก้ปวด
ยาลดอักเสบ
ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาสเตอรอยด์อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วย
เนื่องจากเป็นเพียงการระงับอาการปวดและอักเสบไว้ชั่วคราว
แต่มิได้เป็นการรักษาที่ต้นเหตุ ทั้งมิได้หยุดยั้งการลุกลามของโรค ที่สำคัญคือ
พิษของยาจะก่อให้เกิดการระคายเคืองของกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารไม่ย่อย
กระเพาะอาหารอักเสบหรือเป็นแผลที่กระเพาะอาหาร พร้อมทั้งส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่นๆ
ในร่างกายอีกด้วย
การแพทย์จีนมีวิธีบำบัดอย่างไร
การแพทย์จีนนิยมใช้วิธี
กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต สลายเลือดคั่ง ขับพิษและแก้ปวดบวม (活血化瘀, 清热消毒, 止痛消肿) เพื่อบำบัดต้นเหตุของโรครากประสาทขาถูกกดทับ
ทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตขนาดเล็ก (Microcirculation) บริเวณกระดูกสันหลังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อกระตุ้นการขับสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบและทำลายข้อ สารที่ก่อให้เกิดอาการปวด
(เช่น สารเบต้าโปรตีน ไกลโคโปรตีนและฮิสตามีน เป็นต้น)
รวมทั้งกรดแล็กติกที่สะสมอยู่บริเวณรากประสาทออกไปให้มากขึ้น จึงสามารถลดการระคายเคืองต่อรากประสาทและบรรเทาอาการปวดบวมได้อย่างเด่นชัด
·
การไหลเวียนของโลหิตขนาดเล็กบริเวณกระดูกสันหลังที่ดีขึ้นจะทำให้เส้นเอ็น
เส้นประสาท กล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังได้รับการหล่อเลี้ยงมากขึ้น
บริเวณที่บาดเจ็บจึงได้รับการฟื้นฟูและซ่อมแซมได้เร็วและมากขึ้น
·
ปรับลดระดับความรุนแรงของปฏิกิริยาการตอบโต้จากระบบต่อมไร้ท่อเมื่อรากประสาทถูกกดทับ
จึงลดการสร้างและการหลั่งสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบและทำลายข้อ
พร้อมทั้งลดการหดเกร็งของหลอดเลือดบริเวณที่บาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ
·
ลดอาการบวมของรากประสาทและบริเวณที่บาดเจ็บ
เพื่อลดแรงดึงภายในเส้นประสาทและการหดเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณกระเบนเหน็บและบั้นเอว
จึงบรรเทาอาการปวดบวมและฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของเส้นประสาทได้อย่างเด่นชัด
อาการปวดหลังปวดเอว
อาการปวดร้าวหรือชาที่ขาและอาการอื่นๆ ที่เกิดจากรากประสาทขาถูกกดทับจึงค่อยๆ
ทุเลาลงหรืออาจหายไปได้ในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น